เชื่อว่าหลายคนที่กำลังเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์สำหรับตกแต่งบ้านหรือตกแต่งคอนโด คงมีเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ กันใช่มั้ยคะ? แต่อย่าพึ่งรีบตัดสินใจกดสั่ง กดจ่ายเงิน! ถ้าคุณยังไม่ได้อ่าน “4 สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ไม้” ที่ MAAI Design Furniture รวบรวมมาให้ รับรองว่าอ่านแล้ว คุณจะได้เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ดี และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้มากที่สุดกลับไปอย่างแน่นอนค่ะ

1.ไม้แบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ!
ไม้ที่นำมาผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์ มีให้เลือกด้วยกันหลากหลายประเภท ซึ่งโดยแต่ละประเภท ก็มีข้อดี/ข้อเสีย รวมไปถึงคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อ คุณต้องรู้ก่อนว่าตัวเองอยากได้เฟอร์นิเจอร์ไม้สวยๆที่ทำจากไม้ประเภทไหน
เฟอร์นิเจอร์ไม้ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่…
1.) เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้จริง (Solid Wood Furniture) คือ เฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตมาจากไม้ โดยจะตัดจากต้นเป็นชิ้นๆ และนำมาประกอบขึ้นเป็นเฟอร์นิเจอร์ในรูปแบบตามที่ต้องการ ซึ่งเฟอร์นิเจอร์จากไม้จริงนั้นจะแตกต่างกันออกไปตามประเภทของเนื้อไม้ และชนิดของต้นไม้ที่เลือกใช้ค่ะ
เนื้อไม้ที่นิยมใช้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
-ไม้เนื้ออ่อน คือ ไม้ที่เติบโตเร็ว มีลักษณะของลายไม้ที่ไม่ละเอียด มักนิยมนำมาผลิตเฟอร์นิเจอร์สำหรับการตกแต่งภายใน ไม่เหมาะจะใช้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ Outdoor ที่จำเป็นต้องตากแดดและโดนฝน
-ไม้เนื้อแข็ง คือ ไม้ที่เติบโตช้า มีอายุมาก ลักษณะของเนื้อไม้จะแข็งแรงทนทานมาก ส่วนใหญ่มีสีเข้ม สามารถใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ทั้ง Indoor และ Outdoor ค่ะ
ชนิดของต้นไม้ที่นิยมใช้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ ได้แก่…
-ไม้ยางพารา เป็นไม้เนื้ออ่อน ซึ่งมีความแข็งแรงทนทานค่อนข้างมาก สามารถรับน้ำหนักได้ดี ง่ายต่อการปรับแต่งทั้งสีและรูปทรง ที่สำคัญ ราคาไม่แพง และสามารถหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด
-ไม้สน เป็นไม้เนื้ออ่อน เนื้อไม้สีเหลืองครีม มีความทนทานสูง สามารถนำมาแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้หลากหลายรูปแบบ แต่ไม่เหมาะสำหรับการใช้งาน Outdoor เพราะหากโดนฝน จะเกิดการบวมขึ้นได้
-ไม้สัก เป็นไม้เนื้อแข็ง เนื้อค่อนข้างแน่น จึงมีความแข็งแรงทนทานสูงมาก มีสีและลวดลายสวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทนทานต่อปลวกและมอดได้ดี แต่ก็มีราคาที่ค่อนข้างสูง
ข้อดีของเฟอร์นิเจอร์ไม้จริง
-มีเพียงชิ้นเดียวในโลก เพราะลวดลายของแต่ละต้น แต่ละชิ้นที่นำมาผลิตเฟอร์นิเจอร์ จะมีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร
-แข็งแรงทนทาน แต่ทั้งนี้ก็จะแตกต่างกันไปตามชนิดของไม้และเนื้อไม้ด้วยเช่นกันค่ะ
ข้อเสียของเฟอร์นิเจอร์ไม้จริง
-ต้องการการดูแลรักษาที่ดี เพื่อให้คงสภาพอยู่ได้ยาวนาน เช่น การเลือกตำแหน่งจัดวางอย่างเหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย จนอาจทำให้อายุการใช้งานลดลง รวมไปถึงการป้องกันปลวกมอด เป็นต้น
-มีการหดและการขยายตัวของเนื้อไม้ จึงจำเป็นต้องคำนวนพื้นที่จัดวางให้ดี โดยเผื่อพื้นที่ไว้สำหรับการขยายตัวพอสมควรค่ะ
2.) เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้อัด (Veneer Plywood Furniture) จะแตกต่างจากเฟอร์นิเจอร์ไม้จริง เพราะมีขั้นตอนการผลิตที่ซับซ้อนกว่า โดยจะเริ่มจากลอกเปลือกชั้นนอกที่มีความขรุขระออกก่อน จนเหลือเป็นแผ่นบาง หลังจากนั้นนำมาอัดจนแน่นเพื่อให้ได้ความหนาตามต้องการ แล้วจึงนำไปผ่านกระบวนการทางเคมี สุดท้ายปิดผิวด้วยเยื่อบุไม้
ข้อดีของเฟอร์นิเจอร์ไม้อัด
-สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้ง Indoor และ Outdoor
-แข็งแรงทนทาน ยากที่จะเสียรูป ไม่บิดงอ ไม่แตกง่าย
-สามารถปิดผิวไม้เพิ่มเติมได้เอง
ข้อเสียของเฟอร์นิเจอร์ไม้อัด
-ต้องระวังความชื้นเป็นพิเศษ เพราะหากสะสมความชื้น อาจจะทำให้ไม้เกิดการพองตัวจนเสียรูปได้
-มีน้ำหนักค่อนข้างมาก ทำให้เคลื่อนย้ายลำบาก
3.) เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้สังเคราะห์ (Synthetic Wood Furniture) คือ เฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตมาจากวัสดุสังเคราะห์จากไม้ ซึ่งจะผ่านกระบวนการทางเคมีหลายขั้นตอน ตัวอย่างไม้สังเคราะห์ ได้แก่…
-ไม้เอ็มดีเอฟ MDF (Medium Density Fiberboard) - ใช้เศษขี้เลื่อยมาบดอัดด้วยเครื่องอัดแรงดันสูง ลักษณะผิวเนียนละเอียด เนื้อไม้แน่น
-ไม้ปาติเกิล Particle Board - ใช้เศษไม้ขนาดเล็กอัดบดจนเป็นแผ่น ผสมด้วยกาวและผ่านกระบวนการทางเคมี
ข้อดีของเฟอร์นิเจอร์ไม้สังเคราะห์
-มีลักษณะภายนอกใกล้เคียงกับไม้จริงมาก ทั้งรูปลักษณ์ และเนื้อสัมผัส
-น้ำหนักเบา จึงสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก
-มีราคาที่ต่ำกว่าไม้จริงค่อนข้างมาก จึงเหมาะสำหรับคนที่มีงบประมาณจำกัด
-สามารถดีไซน์ได้หลากหลายรูปแบบ และหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด
ข้อเสียของเฟอร์นิเจอร์ไม้สังเคราะห์
-มีความทนทานน้อย มีโอกาสพัง หรือ ชำรุดได้ง่าย
-ดูแลยากกว่าไม้จริง เพราะหากสัมผัสโดนน้ำ จะบวม เสียรูป และชำรุด

2.วางตรงไหนถึงดีถึงเหมาะ!
เฟอร์นิเจอร์ไม้จะมีลักษณะเฉพาะและข้อจำกัดที่แตกต่างจากเฟอร์นิเจอร์แบบอื่น ดังนั้นตำแหน่งการจัดวาง จึงต้องเลือกให้ดีให้เหมาะสมโดยคำนึงถึงหลายๆปัจจัย เช่น ความทนทาน ความสวยงาม และความสะดวกในการใช้งาน เป็นต้น
วางให้เหมาะกับความแข็งแรงทนทานของไม้ - ไม้แต่ละประเภทมีความแข็งแรงทนทานที่แตกต่างกันออกไป ไม้บางประเภทสามารถรับน้ำหนักได้ดี แต่บางประเภทเนื้อไม้ค่อนข้างบาง จึงไม่เหมาะกับการวางสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก อาจจะต้องใช้ตกแต่งเพื่อความสวยงามแทน นอกเหนือจากนี้ การเลือกตำแหน่งจัดวาง Indoor และ Outdoor ก็มีความสำคัญอย่างมากเช่นกัน เพราะไม้บางประเภทหากโดนแดดโดนฝน จะทำให้เนื้อไม้เสียหาย รูปทรงเปลี่ยน และผุพังได้ง่าย
วางให้เหมาะกับสไตล์และความสวยงามของห้อง - การเลือกจัดวางเฟอร์นิเจอร์ไม้ให้เหมาะสมกับสไตล์ของห้องหรือบริเวณนั้นๆ จะช่วยเพิ่มความสวยงามไ้ด้อีกหลายเท่า และยังทำให้ภาพรวมดูดี มีสไตล์ เช่น หากออกแบบห้องรับแขก เป็นสไตล์มินิมอลแบบญี่ปุ่น ก็อาจจะเลือกเฟอร์นิเจอร์ไม้สีน้ำตาลอ่อน ขนาดพอดีไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป แค่นี้ก็ช่วยส่งเสริมให้ห้องดูสวยเรียบง่าย และน่าอยู่มากขึ้นอีกเยอะแล้ว
วางให้เหมาะกับการเคลื่อนย้าย - หากใครรู้ตัวว่าเป็นคนขี้เบื่อ ชอบเปลี่ยนตำแหน่งการจัดวางเฟอร์นิเจอร์อยู่บ่อยครั้ง แนะนำให้เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่มีน้ำหนักเบา สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย จะเหมาะกว่าการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ชิ้นใหญ่ น้ำหนักมาก

3.ดูแลอย่างไรจึงอยู่ได้นาน!
หนึ่งในเรื่องสำคัญที่หลายคนมักจะมองข้าม คือ เฟอร์นิเจอร์ไม้นั้นมีอายุการใช้งานที่จำกัด ต้องอาศัยการดูแลและทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ไม้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้คงทนและยืดอายุการใช้งานให้อยู่ได้นานมากยิ่งขึ้นค่ะ
หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด น้ำ และความชื้น - ควรดูแลให้เฟอร์นิเจอร์ไม้ห่างไกลจากแสงแดด น้ำ ความชื้น และควรจัดวางไว้ในบริเวณที่ระบายอากาศได้ดี โดยการทาสีน้ำมันสำหรับไม้ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน แต่ในกรณีที่เฟอร์นิเจอร์ไม้โดนน้ำ จนเกิดเป็นคราบหรือรอยด่าง แก้ไขได้โดยเพียงนำผ้าสะอาดแตะมายองเนส และเช็ดในบริเวณดังกล่าว ก็จะทำให้คราบจางหายไป
ป้องกันปลวกและมอด - ปัญหาหนักใจตลอดกาลของเฟอร์นิเจอร์ไม้ คงหนีไม่พ้นปลวกและมอด ซึ่งวิธีการกำจัดก็ง่ายมากๆ เพียงแค่ทาน้ำยารักษาเนื้อไม้ จากนั้นนำไปพึ่งแดดให้แห้ง ก็ช่วยให้ไม้ห่างไกลปลวกและมอดได้แล้ว
ไม้สีลอกจัดการได้ - ด้วยสภาพอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ไม้บางประเภทเกิดการหดตัว และตามมาซึ่งปัญหาสีลอก โดยวิธีการแก้ไข คือ ขัดสีส่วนที่ลอกออกให้ถึงเนื้อไม้ และขัดบริเวณโดยรอบให้เรียบเนียนเสมอกัน หลังจากนั้นลงสีใหม่ซ้ำประมาณ 2-3 รอบ ก็จะได้เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่สวยเหมือนใหม่เลยทีเดียว

4.เลือกให้คุ้มค่าตามงบประมาณ
ควรวางแผนงบประมาณที่จะใช้ก่อนเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ไม้ โดยเฟอร์นิเจอร์ไม้มีช่วงราคาที่กว้างมากๆ เริ่มตั้งแต่หลักร้อย จนไปถึงหลักล้านเลยทีเดียว ซึ่งราคาของแต่ละชิ้นจะขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นประเภทของไม้ ดีไซน์ และวิธีการผลิต เป็นต้น ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาเฟอร์นิเจอร์ไม้ ก็สามารถเลือกให้เหมาะกับกำลังทรัพย์ของตัวเองได้
แนะนำว่าหากมีงบประมาณไม่มากนัก ก็อาจจะเลือกเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากไม้สังเคราะห์ หรือ เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา แต่หากต้องการความพิเศษไม่เหมือนใคร และมีงบประมาณค่อนข้างเยอะ ก็อาจจะเลือกเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้จริงที่มีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัวอย่างไม้สัก เป็นต้นค่ะ
Commenti